วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แนวคิดการเมืองและการปกครองของเหลาจื้อกับการเมืองและสังคมไทยในปัจุบัน


สวัสดีครับนี้เป็นบทความที่ลงในบล็อกครั้งแรกของผม เป็นบทความเกี่ยวกับการเมืองในทัศนะของนักปรัชญาโดยจะมีการเปรียบเทียบกับสภาพสังคมและการเมืองในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื้อหาและระบบการวิเคราะต่างๆอาจยังไม่สมบูรณ์ จึงของท่านทั้งหลายแสดงคำติชมและคำแนะนำเพื่อจะได้พัฒนาในครั้งต่อๆไป ขอกันช่วยวิจารและแสดงทัศนะด้วยนะครับ

โดยผมจะขอเริ่มจากทัศนะปรัชญาทางสังคมและการเมืองของนักปรัชญาท่านหนึ่งที่มีอิทธิพลกับแนวการดำเนินชีวิตของประชากรและอารยธรรมต่างๆในประเทศจีน นั้นก็คือท่านเหลาจื้อผู้ก่อตั้งแนวทางปรัชญาเต๋านั้นเองครับ ปรัชญาสายต่างๆของท่านนั้นมีที่มาอยู่ที่หลักอภิปรัชญาที่มีลักษณะเป็นสายธรรมชาตินิยมของท่าน ซึ่งไม่มักจะชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ควรที่จะอยู่กับธรรมชาติมากกว่าที่จะให้ความสำคัญในด้านวัตถุ ทั้งนี้ผมจะขอพูดถึงหลักอภิปรัชญาของท่านมากนัก แต่จะขอเน้นในเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐและระบบการปกครองในอุดมคติของท่านเหลาจื้อโดยตรง

รัฐในอุดมคติของท่านเหล่าจื้อควรที่จะปกครองประชาชนโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับประชาชนให้มากนัก ควรปล่อยให้พลเมื่องอยู่อย่างมีเสรีภาพ ท่านได้แบ่งรัฐบาลออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทแรกคือรัฐบาลในอุดมคติของท่านเหลาจื้อ คือ รัฐบาลที่ปกครองพลเมืองโดยที่พลเมืองไม่รู้สึกว่าถูกปกครอง ให้พลเมืองใช้ชีวิตแบบเสรีมีอิสรภาพ
ประเภทที่สองคือรัฐบาลที่ปกครองพลเมืองโดยสร้างความดีให้พลเมืองเห็น
ประเภทสุดท้ายคือรัฐบาลที่ใช้อำนาจกดขี่พลเมือง ทำให้พลเมืองขาดเสรีภาพ ท่านว่ารัฐบาลลักษณะนี้แย่ที่สุด แม้ว่าจะเป็นการทำสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม

จะเห็นได้ว่าทัศนะของท่านคล้ายกับทัศนะของนักปรัชญาฝ่ายเสรีนิยมทางตะวันตก หากแต่จะต่างกันตรงที่ทัศนะของท่านมีหลักอยู่ที่ปรัชญาเต๋าที่เน้นให้คนเข้าถึงธรรมชาติ จึงมีลักษณะเป็นเสรีนิยมกับธรรมชาตินิยมรวมกัน ทำให้ดูมีลักษณะเป็นเสรีนิยมสายสุดโต่ง จากทัศนะเรื่องรัฐในอุดมคติของท่านเหลาจื้อทำให้เห็นว่า ท่านไม่ต้องการให้มนุษย์ถูกปกครองมากนัก เนื่องจากโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วมักไม่ชอบทำตามกฎที่ถูกตั้งขึ้นมา ทั้งยังชอบทำอะไรที่ฝืนกับสิ่งที่เป็นอยู่ เราอาจจะดูจากแนวทางการใช้ชีวิตหรือความต้องการของสังคมก็เป็นได้นะครับ เช่น ค่านิยมของการเลือกของ ของที่ผู้คนต้องการมากๆมักขาดตลาด หรือกลายเป็นของหายาก ท่านอาจเห็นได้ว่าสมัยก่อนนั้นทุเรียนก้านยาวเป็นทุเรียนไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก จนทำให้หลายๆสวนเลิกปลูกทุเรียนก้านยาวเพราะตลาดต้องการทุเรียนหมอนทองมากกว่า แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าทุเรียนก้านยาวเป็นที่ต้องการและมีราคาแพงอย่างมาก ตรงนี้อาจทำให้ท่านเหลาจื้อส่งเสริมให้ผู้คนอยู่กับธรรมชาติ เป็นหลักที่ตรงข้ามกับสังคมทุนนิยมอย่างสินเชิง หากแต่ในสังคมไทยในปัจจุบันคงเป็นไปได้ยากที่จะปรับเปลี่ยนค่านิยมที่จะต้องตามกระแสการบริโภคแบบทุนนิยมนี้ แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักที่ดีขนาดไหน แต่ก็น้อยคนนักที่จะหันมาปฎิบัติอย่างจริงจัง คำถามก็คือท่านทั้งหลายคิดว่าสมควรหรือไม่ที่สังคมไทยเรานั้นควรจะเป็นสังคมที่เน้นด้านวัตถุนิยมและทุนนิยมต่อไป หรือได้เวลาแล้วที่เราควรจะหันกลับมาหาสิ่งที่เรามีอยู่และรู้จักพึ่งพาตนเอง

ในด้านของตัวผู้ปกครองนั้น ท่านเหลาจื้อให้ความเห็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ทำตัวเป็นนายของประชาชน แต่ควรทำตัวให้เข้ากับประชาชนและรับใช้ประชาชน จะเห็นได้จากคำกล่าวของท่านเหล่าจื้อที่ว่า
“ทำไมทะเลจึงได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งน้ำ ก็เพราะตั้งอยู่ต่ำกว่าสายธาราทั้งหลาย จึงได้กลายเป็นเจ้าแห่งน้ำ นักปราชน์ปรารถนาจะปกครองประชาชน ก็พึงทำตนคอยรับใช้ด้วยความถ่อมตน”
ท่านเหลาจื้อได้กล่าวสรุปถึงคุณธรรมของผู้ปกครองอยู่ 3 อย่าง คือ ความเมตตา ความประหยัดและการไม่ล้ำหน้าประชาชน
ในด้านของตัวผู้ปกครองในสังคมไทยนั้น ท่านจะเห็นว่าพระมหากษัตริย์และพระราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ได้ทรงปฎิบัติงานและทรงมีความเมตตากับประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงเข้าถึงทุกชนชั้น แต่กับนักการเมืองในสังคมไทยนั้นส่วนมากเราจะเห็นได้ว่าเวลาที่บุคคลเหล่านี้จะนอบน้อมมาฟังความต้องการของท่านก็มักจะเป็นในช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง คอยเข้าหาประชาชนอย่างจริงจังแต่เมื่อเสร็จจากการเลือกตั้งแล้วก็ยากที่ท่านทั้งหลายจะเข้าหาบุคคลเหล่านี้ ทั้งนี้อาจเป็นค่านิยมในสังคมไทยที่มีมานานจนยากที่จะแก้ไข ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเรามักยึดติดกับบุคคลที่มีอำนาจแม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะใช้อำนาจไปทางที่ไม่ชอบก็ตาม ตราบใดที่สังคมไทยยังมีค่านิยมเช่นนี้อยู่เราคงไม่ได้เป็นประเทศที่มีเสรีประชาธิปไตยอย่างที่เราได้คอยประกาศบอกกับชาวโลกเป็นแน่ โดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่าสภาพสังคมไทยในปัจจุบันนั้น ยังไม่พร้อมที่เป็นประชาธิปไตยเนื่องจากผู้คนยังขาดความเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ทั้งยังยึดติดและหลงในอำนาจที่ตนมีอยู่ทั้งที่บางท่านรู้อยู่แก่ใจว่าอำนาจเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับตัวตลอดไปก็ตาม

7 ความคิดเห็น:

  1. ชอบครับชอบ
    ชอบปรัชญาจีนอยู่แล้ว ชอบมากกว่าของพวกยุโรป
    คราวหน้าจะมาเม้นท์อีกนะคร้าบบบ
    ชอบมากมาย จุ๊บๆ

    ตอบลบ
  2. การปกครองที่ดีอย่างหนึ่งบนประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!
    ที่กล่าวเช่นนี้ก็คงไม่เกินจริงสำหรับเหลาจื้อ
    ปรัชญาของท่านนั้นก็เป็นหนึ่งในอัญมณีแห่งปัญญา
    แต่ขึ้นชื่อว่าปรัชญานั้นย่อมมาคู่กับความไม่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว
    ถือเป็นสัจจธรรมของนักปรัชญาและนักศึกษาปรัชญา
    แต่ที่กล่าวนี้ก็มิได้ต้องการโจมตีแนวคิดนี้แต่อย่างใด
    ผมคิดว่าแนวคิดของเหลาจื้อนั้นก็มีความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว
    แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือ "คน" ผู้จะนำหลักการไปใช้ต่างหาก
    ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นปัญหาที่ไม่มีวันที่สิ้สุด
    (แต่ผมก็หวังว่ามันจะไม่จริง!)
    และยิ่งโดยชาวโลกและสยามประเทศของเราแล้วด้วย
    ความเห็นแก่ตัว
    ความเกลียดชัง
    ความทะยานอยากในอำนาจ
    และอื่นๆอีกมากมาย
    เป็นเรื่องน่าเสียใจจริงๆ แม้เราจะมีผู้เสนอความคิดที่ดีเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ทุกคนบนโลกแต่ว่าท้ายที่สุดทุอย่างล้วนลงถัง
    ผมคงเป็นพวก ทุนิยม มองโลกเป็นทุกข์
    แต่กระนั้นก็ตามความหวังยังคงมีเสมอ...แต่แค่รอเมื่อไหร่จะสมหวัง

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาครบดีค่ะ น่าสนใจมากค่ะ สู้ๆค่า

    ตอบลบ
  4. คุณบอส...
    สยามประเทศของเรา กำลังขาดแคลนผู้นำทางความคิด
    บอสเริ่มต้นฝึกการเป็นผู้นำทางความคิด ได้ดีทีเดียว
    แม้จะถ่อมตัวว่าเป็นจุดเริ่มต้น
    แต่มั่นใจได้เลยว่า หากฝึกฝนเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
    บอสจะสามารถนำเสนอความคิดต่อสังคมในวงกว้างได้มากขึ้น
    และเมื่อนั้น...ท้องฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน" ได้อย่างแท้จริง
    สู้ต่อไป เอาใจช่วย
    ...บุญรักษา..
    อาจารย์แรก

    ตอบลบ
  5. ความคิดแนวใหม่..ดีดี

    เปิดโลกได้อีกหนึ่งเรื่องค่าาา

    ตอบลบ
  6. ถ้าบ้านเมืองเราเอาหลักนี้ไปใช้ได้บ้างก็คงจะดีเนอะ


    แต่มานึกสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน


    คนดีดี ถูกกดทับหมดเหลือเพียงแต่พรรคพวก


    เท่านั้นที่จะคอยกอบโกยผลประโยชน์ คนอื่น

    ตอบลบ
  7. ดีจังแหวกแนวดีบอส
    ส่วนใหญ่เพื่อนจะทำ
    พวกนักปรัชญาทางตะวันตกกันดีๆ


    ช่ายๆชาวบ้านบางคนยังไม่รู้เลยการที่เขาไม่ไปเลือกตั้ง
    หรือว่าขายเสียงมันมีผลกระทบแค่ไหน

    ตอบลบ